‘ประวิตร’ ปลื้มหลังคว้ารางวัล ‘บุคคลแห่งปี’ จากซูเปอร์โพล

‘ประวิตร’ ปลื้มหลังคว้ารางวัล ‘บุคคลแห่งปี’ จากซูเปอร์โพล

ประวิตร ปลื้มหลังได้รับรางวัล ‘บุคคลแห่งปี’ จากซูเปอร์โพล ส่วนฉายา รองช้ำ นั้นเจ้าตัวเผย รองช้ำเพื่อชาติไม่เป็นไรหรอก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ครั้งสุดท้ายของปี ถึงกรณีที่ ซูเปอร์โพล (Super Poll) เผย ผลสำรวจความเห็นประชาชน ที่เลือกพล.อ.ประวิตร เป็นบุคคลแห่งปี ในการช่วยเหลือประชาชน ว่า ตนจะทำงานต่อไปให้ดีที่สุดเพื่อช่วยประชาชน จะยืนหยัดเป็นฐาน เราจะต้องช่วยคนจน ช่วยทุกคนให้อยู่ดีกินดี

ในส่วนของฉายา รองซ้ำ ซึ่งเป็นฉายาที่สื่อมวลชนมอบให้นั้น รองนายกฯระบุว่า “รองช้ำเพื่อชาติ ไม่เป็นไรหรอก เพื่อให้ประเทศชาติอยู่ต่อไปได้”

ก่อนหน้านี้ซูเปอร์โพลมอบบุคคลแห่งปีที่ช่วยเหลือแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนและปัญหาสังคม หนี้นอกระบบ ที่ดินทำกิน แหล่งน้ำ และอื่น ๆ ลดความเดือดร้อนปัญหาปากท้องของประชาชน พบ 3 อันดับแรก ได้แก่

อันดับที่ 1 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 40.0 เพราะเป็นรองนายกฯ ที่ดูแลใส่ใจแก้ปัญหาด้วยตนเองโดยเฉพาะความเดือดร้อนทุกข์ยากของคนฐานราก เช่น หนี้นอกระบบ ที่ดินทำกิน ปัญหาค้ามนุษย์

อันดับที่ 2 ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 36.4 เพราะ เรื่องปากท้องเป็นความสำคัญอันดับแรก ๆ ของคนทุกระดับที่ถูกแก้ปัญหาแบบครบเครื่องทั้งเรื่องเกษตรและพาณิชย์

อันดับที่ 3 ได้แก่ นาย อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร้อยละ 19.3 เพราะ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญออกมาตรการเยียวยาความทุกข์ยากของประชาชนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ที่เข้าใจบริบทสังคม ไม่พูดมากและทำงานทุ่มเท

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และความมั่นคงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ANSCOP เพื่อดำเนินการพิจารณาความผิดตามหลักกฎหมายที่กำหนดไว้ อาทิ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หากเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายจะดำเนินการพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำผิด เมื่อผู้เสียหายได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวน ติดตามจับกุม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นักร้องมาแล้ว! ‘ศรีสุวรรณ’ บุกยื่นฟ้องอดีต หน.พปชร. ปม ‘สิระ’

ศรีสุวรรณ บุกยื่นเอกสาร ร้องเอาผิดหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่อนุญาตให้นาย สิระ เจนจาคะ ลงเลือกตั้ง ส.ส ชี้เข้าข่ายรับรองประวัติเท็จ นาย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า ตนได้ทางมายื่นคำร้องต่อ กกต./นายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ที่ผ่านมา

เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อเอาผิดนาย อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(ในขณะนั้น) ฐานเจตนาให้การรับรองผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กทม. เขตเลือกตั้งที่ 9 (นายสิระ เจนจาคะ) อันเป็นเท็จ รวมทั้งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำ กทม.ที่บกพร่องการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบคุณสมบัตินายสิระ เจนจาคะ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของนายสิระว่าไม่ได้มีมาตั้งแต่สมัครรับเลือกตั้ง ตาม รธน.ม.98 (10)

ทั้งนี้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่านายสิระ เจนจาคะ ซึ่งเป็นบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทําโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญานั้น ย่อมเป็นบุคคลที่ต้องห้ามมิให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

การที่นายสิระ เจนจาคะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐได้ ชี้ให้เห็นว่านายทะเบียนของพรรคย่อหย่อนต่อการตรวจสอบคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ที่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ข้อ 52(3) และต่อมาการที่ หน.พรรค พปชร.ให้การรับรองลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 9 กทม.ได้ก่อนหน้านี้ ตาม ม.56 ย่อมเป็นเท็จ จึงอาจเป็นความผิดตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.120 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี

ส่วน ผอ.เลือกตั้ง กกต.ประจำ กทม.นั้น เนื่องจาก พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 ม.46 วรรคแรก กำหนดว่า ให้เป็นหน้าที่ของผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งที่จะต้องตรวจสอบการสมัครของผู้สมัครว่าได้ส่งเอกสารและหลักฐานถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ และ ม.53 ของกฎหมายดังกล่าวยังระบุต่อไปอีกว่า

ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง หากผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้ง ตรวจสอบแล้วเห็นว่าผู้สมัครผู้ใดไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น ผอ.เลือกตั้ง กทม.ซึ่งมีระยะเวลามากพอที่จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครให้ละเอียดรอบคอบได้ แต่ก็เพิกเฉยจนกระทั่งมีผู้ไปร้องเรียนจนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพิกถอนการคุณสมบัติดังกล่าว ผอ.เลือกตั้ง กทม.ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบในความบกพร่องดังกล่าวด้วย

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนเพื่อให้คณะกรรมการ กกต./นายทะเบียนพรรคการเมือง ไต่สวน สอบสวนและวินิจฉัยเอาผิด หน.พรรค พปชร.(ในขณะนั้น) และ ผอ.เลือกตั้ง กทม.ต่อไปตามครรลองของกฎหมาย นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป