แม่แตงโม ยืนยัน ถอนฟ้องคนบนเรือคดีแตงโม ฝากถึงพี่อัจ แม่ไม่ใช่ควาย

แม่แตงโม ยืนยัน ถอนฟ้องคนบนเรือคดีแตงโม ฝากถึงพี่อัจ แม่ไม่ใช่ควาย

แม่แตงโม เดือด แม่ไม่ใช่ควาย ยืนยัน ถอนฟ้องคนบนเรือคดีแตงโม ให้เหตุผลหลักฐานไม่พอเป็นคดีฆาตกรรม และยื่นฟ้องไปโดยไม่ได้ขออนุญาต นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน หรือ แม่แตงโม ได้ให้สัมภาษณ๋ผ่านรายการ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ถึงคดีแตงโม และตัวของนาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ไปยื่นฟ้องคนบนเรือ โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากตัวของแม่แตงโม

แม่แตงโม ยืนยันว่าตนจะถอนฟ้องคนบนเรือ ซึ่งเป็นการฟ้องร้องโดยนายอัจฉริยะ 

พร้อมให้เหตุผลการถอนฟ้องครั้งนี้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าเหตุครั้งนี้เป็นเหตุฆาตกรรม และเป็นการยื่นฟ้องโดยไม่รับการอนุญาตหรือพูดคุยกับคนในทีมก่อน นางภนิดา กล่าวว่า เรารู้คุณอยากเด่นอยากดังคนเดียว เมื่อเข้ามาทำงานด้วยกันก็ควรปรึกษา ไม่ใช่จะไปโดดเด่นคนเดียว พอนายอัจฉริยะทำแบบนี้ก็ทำให้แพแตก และทุกคนเสียความรู้สึก ในส่วนเอกสารที่อ้างว่ามีมีดอยู่บนเรือนั้น แม่แตงโม ยืนยันว่าไม่เคยเห็น เห็นแค่อ่างน้ำที่มีเลือดเปื้อน ซึ่งอ่างน้ำที่มีเลือดเปื้อนเป็นที่ไหนก็ได้ และไม่ใช่หลักฐานที่ดี

“แม่มองคดีมาเรื่อยๆ แม่ไม่ใช่ควาย ยังกินข้าวอยู่ นายอัจฉริยะจะเอาหมดทุกมาตราที่รุนแรง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่แม่ต้องการ คือจะให้อีกฝ่ายติดคุกยาว ไม่ต้องออกจากคุกเลย เขาก็มีครอบครัว จะไปทำอย่างนั้นทำไม ต้องมีหลักฐานถึงไปฟ้องได้ แต่ถ้าคุณไม่หลักฐานแล้วจะเอาอะไรไปฟ้อง เมื่อไปถามก็บอกว่าให้ฟ้องไปก่อนและเดี๋ยวหลักฐานทีหลัง ฟังแล้วก็ตลก”แม่แตงโม กล่าว

ในส่วนของประเด็นเรื่องการตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ว่าตนเป็นแม่ของแตงโมจริงๆนั้น นาง ภนิดา บอกว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ตลกมาก บ้ามาก ท้าให้ไปถามโรงพยาบาลพร้อมมิตรได้ ส่วนสาเหตุที่ไม่มีเลขบัตรประชาชนในสูติบัตรแตงโม เพราะตอนนั้นไปแจ้งเกิดไม่ได้นำบัตรประชาชนไป ถ้าไม่มีเลขบัตรประชาชนแล้วจะเปิดบัญชีธนาคารหรือติดต่ออะไรยังไง ยืนยันไม่ตรวจดีเอ็นเอ เป็นสิทธิของแม่ ยืนยันแม่ไม่ใช่จำเลยจะบังคับไม่ได้ ทำตัวเหมือนแม่เป็นจำเลย

“นายอัจฉริยะต่อว่าแม่ออกทีวีทุกวัน ยิ่งด่าแม่จะยิ่งไม่ให้อภัย ส่วนที่นายอัจฉริยะจะฟ้อง แม่ก็พร้อมฟ้องกลับเช่นกัน ทุกเรื่องที่ว่าแม่ ยืนยันไม่เคยเล่นพนันด้วย แม้จะไม่พูดชื่อออกมาก็ตาม” แม่แตงโมกล่าว

โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า อาคารดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่กลางย่านรัชดาภิเษก ลักลอบ เปิดเล่นบาคาร่าภายในชั้นใต้ดินของอาคาร

ทั้งนี้ ภายหลังการจับกุม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาไลฟ์ อ้างว่าเป็นคนแจ้งให้ข้อมูลกับตำรวจเพื่อให้เข้าจับกุมบ่อนดังกล่าว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มีนายตำรวจพยายามจ่ายเงินให้กับสื่อมวลชน เพื่อไม่ให้มีการนำเสนอข่าวที่มีการจับกุมที่เกิดขึ้นนี้

นายอัจฉริยะ ยังกล่าวในไลฟ์อีกว่า เบาะแสการจับกุมที่ตนเองให้กับตำรวจ ถือเป็นการเอาคืน บก.น.2 ที่มีการกลั่นแกล้งตนเอง ที่ได้แจ้งความกับตนเองในคดีดังก่อนหน้านี้ ขณะที่ยังมีอีกหลายบ่อนอีกหลายพื้นที่ในเขตนครบาล ตนเองพร้อมที่จะแฉทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วย

เอ้า! ‘ไฮโซฟองน้ำ’ หนีออกนอกประเทศไปแล้ว หลังเจอหมายจับ

ตำรวจเผย ไฮโซฟองน้ำ หนีออกนอกประเทศแล้ว หลังเจอหมายจับข้อหาฉ้อโกง พบหนีไปเวียดนาม เตรียมประสานตัวนำตัวกลับมาดำเนินคดี ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี และตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ได้รายงานถึงความคืบหน้ากรณีของ ไฮโซฟองน้ำ หรือ นางสาวปิยะธิดา อายุ 25 ปี ที่ถูกฟ้องร้องโดยผู้เสียหายนับสิบคน ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ไฮโซฟองน้ำ พร้อมด้วยนายวุฒินันท์ น้องชาย และนางสาวเพ็ญนภา น้องสะใภ้ หลบหนีไปประเทศเวียดนามแล้ว

จากการตรวจสอบพบว่า ไฮโซฟองน้ำ เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. เวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งตำรวจจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามตัวและนำตัวกลับมามาดำเนินคดีต่อไป

ก่อนหน้านี้ศาลจังหวัดอุบลราชธานีได้ออกหมายจับ ไฮโซฟองน้ำ ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน โฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือกระทำด้วยประการใดๆ

น.ส.ปิยะธิดา หรือ ไฮโซฟองน้ำ ได้ ชักชวนให้ผู้สนใจร่วมลงทุนออมเงิน พร้อมอวดอ้างว่า ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อ 15 วัน และ ร้อยละ 10 ต่อเดือน

ส่งผลให้ผู้เสียหลายหลายคนทั้งในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง นำเงินมาร่วมลงทุนดอกเบี้ยจำนวน 100 ราย มียอดเงินที่คนหลงเชื่อมาร่วมลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ก่อนที่จะปิดแอพพลิเคชั่นหลบหนีไป นำไปสู่การแจ้งความ บ้านฟองน้ำ

ทั้งนี้ สำหรับ ผู้ต้องหา 52 คน แยกเป็นชาย 34 คน หญิง 18 คน โดยจำแนกตามสัญชาติเป็นคนไทย 14 คน , คนจีน 22 คน, คนพม่า 14 คน และคนมาเลเซีย 2 คน ส่วนของกลางที่ได้คือเงินสด 4,356,700 บาท และอุปกรณ์เล่นการพนัน บาคาร่า รวม 30 รายการ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป